18 เมษายน 2551

ประวัติหลวงปู่หงษ์




blogger นำเสนอประวัติหลวงปู่ในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งผู้นำเสนอนั้นเป็นคนพื้นเพห่างจากวัดประมาณ 12 กิโลเมตร นำเสนอเฉพาะหลวงปู่หงษ์พรหมปัญโญ หลวงปู่คีย์ ซึ่งท่านได้สร้างวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังมากมาย เป็นที่เคารพและศรัทธาของคนจังหวัดสุรินทร์ มีพระเกจิอาจารย์หลายท่านในจังหวัดสุรินทร์ซึ่งผู้นำเสนอรู้จักแต่นำเสนอไม่หมด เช่นหลวงปู่เจียม(อ.สังขะ) หลวงปู่ธรรมรังสี(อ.ท่าตูม) หลวงปู่สาม หลวงปู่ดุลย์ ซึ่งเป็นพระเกกิอาจารย์ที่ชาวจังสุรินทร์และหลายๆจังหวัดนับถือ
ประวัติหลวงปู่หงษ์
อัตชีวประวัติ เด็กชายสุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญูเวทิตาต่อบิดามารดา ได้ช่วยกิจการงานทุกอย่าง ทำนาหว่านกล้า เก็บเกี่ยวข้าว ด้วยความวิริยะอดทน จนอายุได้ 18 ปี มารดาขอร้องให้บวชเณรด้วยสาเหตุเกรงว่าจะไปมีเรื่องกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงของวัยรุ่นอารมณ์ร้อนซึ่งโดยนิสัยแล้วเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใคร สุดท้ายเห็นแก่มารดาจึงได้ตัดสินใจว่าจะบวชให้แค่เพียง 7 วัน ครั้นบรรพชาแล้วพระอุปชฌาย์ได้ตั้งนามให้ใหม่ว่า “สามเณรพรหมศร” ลุมาได้ 3 วัน ขณะทีนั่งบนแคร่ไม้ใต้ต้นมะขามใหญ่ ได้มีบุรุษหญิงชายแปลกหน้าทั้งมีอายุแก่และหนุ่ม แต่งกายแบบชาวบ้านมาขอร้องให้เทศน์โปรดทีเถิดสามเณรพรหมศรกล่าวว่า “ฉันพึ่งบวชได้ไม่ถึงวันยังเทศน์ไม่เป็นหรอก ชายหญิงผู้แปลกหน้าทั้งหลายต่างให้คำแนะนำว่า “ “ท่านเจ้าคะท่านเทศน์ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ท่านทดลองว่า นะโม 3 จบ ประเดี๋ยวท่านก็จะเทศน์ได้เองนั่นแหละ” สามเณรพรหมศรนั่งนิ่งแลสงสัยว่าบุคคลทั้งหลายเหล่านี้เป็นใคร ? มาจากไหน ? อยู่ ๆ ก็มาขอให้เราเทศน์ แต่เมื่อลองคิดแล้วเขาบอกให้ว่านะโม 3 จบ เราก็ว่าได้ จึงได้ว่า นะโม 3 จบ จากนั้นก็เป็นเรื่อง ที่ปากพูดไปได้เองเป็นเรื่องเป็นราว ชายหญิงทั้งหลายต่างนั่งพนมมืออมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ครั้นเทศน์จบก็กราบขอบคุณขอลากลับ หันไปอีกทางปรากฏว่าหายไปทางไหนก็ไม่รู้” ผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมสามเณรพรหมศรจึงเทศน์ได้ ท่านกล่าวว่า มันเป็นของเก่าหรือที่เรียกว่า “ธรรมบันดาล” ที่พาให้พูดกล่าวไปได้เอง ความตั้งใจที่จะบวชเพียง 7 วัน ก็อยู่เลยเรื่อยมาจนอายุครบ 20 ปีพระอุปัชฌาย์จึงอุปสมบทให้ ณ วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยตั้งนามฉายาให้ใหม่ว่า “พรหมปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาประดุจพรหม เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงปู่ตั้งใจมั่นขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปรัยัติธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า หลวงปู่เป็นพระผู้มีความวิรยะสูงจดท่องจำแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละ แม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป เพื่อให้ได้วิชาความรู้กลับคืนมาเป็นรางวัล ด้วยปณิธานมั่นที่จะโปรดลูกหลานญาติโยมภายหน้า สืบไป ครั้นอุปสมบทได้แล้ว 3 พรรษา จึงกราบลาพระอุปชฌาย์จาริกธุดงควัตร ตามแบบฉบับแห่งพระบรมครู อาศัยอยู่ตามโคนไม้ นุ่งห่มใช้ผ้าเพียงสามผืน ทั้งถือที่สงบสัปปายะ เช่นป่าช้า เป็นที่เจริญจิตภาวนาเช้าค่ำ ขบฉันภัตตราหารเพียงมื้อเดียว ได้ท่องเที่ยวสู่เมืองขุขัน จ.ศรีสะเกษ เพราะเป็นเขตแห่งสรรพศาสตร์มนตรา จึงได้เข้าขอศึกษากับครูอาจารย์ที่เป็นทั้งฆารวาสก็ดีเป็นผู้ทรงศีลสมณะก็ตาม จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงขออนุญาตลากลับเพื่อจาริกธุดงค์สู่พนมเปญ กัมพูชาสืบไป เมื่อธุดงค์ข้ามเขาเข้าเขตกัมพูชา อันเป็นที่ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเป็นดินแดนแห่งอาณาจักรขอมถิ่นอาถรรพ์ เป็นที่รวมแห่งศาสตร์ไสยเวทย์มนตรารุ่งเรืองนัก คงเป็นด้วยบุญบารมีเก่าหนุนนำ พาให้ได้พบกับครูบาอาจารย์เก่า เมื่อพบเห็นแล้วทุกครูอาจารย์ต่างพึงพอใจในพระภิกษุหงส์พรหมปัญโญผู้สันโดษอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก ได้บังเกิดความเมตตาประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชา ทั้งเวทย์มนต์แลคาถาเมตตา มหาเสน่ห์ กำบังภัยทั้งคุ้มครองแคล้วคลาดกันอาวุธ ปืน หอก ดาบ ธนูหน้าไม้เขี้ยวงา ช้างเสือ หุงสีผึ้ง กันยาเบื่อ ทั้งคุณไสย ทำน้ำมนต์รดอาบต่างหายไป แม้นบ้าใบ้จิตหลอนก็อ่อนโยน จนลุเลยข้ามดงสู่จังหวัดสารพัดไต่เขาและภูผา อาศัยหุบเขาข้างห้วยเอนกายา ตกค่ำภาวนาตลอดไปยามสองจิตผ่องใส บังเกิดธรรมบันดาลพาพบไป กับพระอาจารย์ใหญ่องค์เทพเทวาได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาลงจารเสกปากกา อุปเท่มีคุณมากนักหนากว่าพันประการ ประทานเสร็จสอนจบครบตำราพระพรหมปัญโญให้ปิติทั้งศรัทธา ตั้งจิตกราบครูบาแล้วเงยหน้าขอชมบารมีทันที่ที่ลืมตาได้รูปท่านอาจารย์ใหญ่ก็จางหายทันที พระพรหมปัญโญสุดที่จะเสียดายเพราะมิได้กล่าวคำว่าขอบคุณแก่ท่านผู้การุณประสาทวิชา ครั้นล่องไพรในพนากลางป่าใหญ่ อัศจรรย์ใจเป็นหนักหนาเห็นเด็กร่างดำใหญ่ดุจศิลา พลางผลักทักทายมาแต่ใด กุมารดินล้มหงายหลัง แล้วตั้งตรงทดลองใหม่ผลักล้มมาด้านหน้า ทดลองถึงสองครั้งให้ระอาจึงแสดงกายาสูงใหญ่ได้ห้าเมตร แสดงเสร็จให้เกิดศรัทธาแล้วสั่งสอนถึงวิธีการสร้างกุมารทองให้ถูกต้องตามตำราฉบับครู ครั้นธุดงค์ผ่านเขาพนาไพร นานอยู่ได้เกือบขวบปีแวะผ่านที่หมู่บ้านชื่อ “บ้านกรู” ณ หมู่บ้านนี้เองที่ชาวบ้านต่างกล่าวขานคุณงามความดีในวีรกรรมหลาย ๆ สิ่งที่มิอาจลืมเลือนได้จากหัวใจของทุกคน แม้หลวงปู่จะธุดงค์กลับ ประเทศไทยแล้วก็ตามจนขณะนี้หลวงปู่มีอายุย่าง 85 ปี จึงได้เดินทางไปเยี่ยมชาวกัมพูชา เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าหลวงปู่จะมาต่างดีใจ ครั้นหลวงปู่ไปถึงชาวบ้านเกือบพันคนต่างนอนคว่ำเรียงรายตั้งแต่ถนนจนถึงศาลาแล้วอาราธนาให้หลวงปู่เดินเหยียบบนหลังของเขาทั้งหลสายนั้น หลวงปู่จะไม่เดินชาวบ้านเขาก็ไม่ยอม กล่าวว่า ยอมพร้อมพลีกายด้วยความเคารพบูชา หลวงปู่ขัดเขามิได้จึงยอมเดินบนหลังของเขาเหล่านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าอายุราว 100 กว่าปี เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่มาก็อุตส่าห์ลากไม้เท้าหลังงองกเงิ่นเดินทางมากราบบูชา ผู้ติดตามหลวงปู่ทุกคนต่างแปลกใจซักถามว่าทำไมจึงศรัทธาองค์หลวงปู่ขนาดนี้ พวกเราทุกคนต่างก็ถึงบางอ้อ ! เพราะพ่อเฒ่า ต่างเล่าให้ฟังว่า”หลานเอ๋ย ! ถ้าวันนั้นหลวงพ่อไม่ได้อยู่กับเพวกเราแล้ว หมู่บ้านกรูทั้งหมู่บ้านก็แตกกระจัดกระจายปี้ป่นไปแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องแปลกตาเองก็ไม่เคยเห็นว่าลูกระเบิด และลูกปืนใหญ่ขนาดแตงโมมันตกบนหลังคาหญ้าแฝกแปลกที่มันไม่ทะลุหล่นลงมากลับกลิ้งคลุก ๆ ไปตามทางลาดชายคา พวกเราก็นึกว่าต้องตายแน่ ๆ ถ้าลูกระเบิดตกกระทบกับพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ ! ปรากฏว่าลูกระเบิดจมดินเกือบครึ่งลูก แต่มันอัศจรรย์มาก หลานเอ๋ย ! มันไม่ระเบิด” เท่านั้นแหละเม็ดกรวด เม็ดหิน แม้แต่ดินใต้แคร่ไม้ไผ่เขายังขุดไปลึกเป็นเมตรเอาไปปั้นเป็นลูกอมตากแดด ครั้นหลวงพ่อกลับประเทศไทยไปแล้ว แคร่ตัวที่ท่านนั่งก็ยังไม่มีเหลือ ชาวบ้านเขาจุดธูปเอามาพลีแบ่งกันจนหมดไม่เหลือหรอ หลวงพ่อเน้อ ! พร้อมกับยกมือไหว้ทางหลวงปู่ พวกตา และชาวบ้านรอดตายมาได้ทุกคน เสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เท่ากับหลวงพ่อมาชุบชีวิตให้ใหม่” ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ท่านเดนบนหลังของวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพเจ้าของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกผ่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณ และโทษของการไม่มีป่าได้ไม่มีน้ำจะ เกิดความเดือดร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนให้ชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข (คัดลอกจากเขามาครับ)

สำหรับผู้ที่ศรัทธาจริงอยากจะได้วัตถุมงคลก็แสดงความคิดเห็นลงได้ ต้องขอบอกท่านที่ต้องการที่จะได้ก่อนนะครับว่าผมไม่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ทั้ง 2 ท่าน ไว้จำหน่ายครับ มีเวลาว่างจะไปดูที่วัดให้ สำหรับเรื่องค่าบูชาก็ตามวัดที่ตั้งไว้ บางรุ่นสร้างมาแล้ว 8-9 ปีก็มีเพราะเคยเข้าไปดูบ่อยครั้ง สำหรับผมมีเฉพาะไว้กับตนเอง ท่านอยากได้อะไรก็ลองแสดงความคิดเห็นดูนะครับ ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่เซียนพระแต่วัตถุมงคลนั้นออกจากวัดแน่นอนถ้าท่านต้องการ(เฉพาะหลวงปู่หงษ์,หลวงปุ่คีย์) ผู้สนใจสอบถาม
08-5200-8050

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ร่วมบริจาคมวลสารศักดิ์สิทธิ์สร้างพระบรรจุกรุพระ ๘๔,๐๐๐องค์

--------------------------------------------------------------------------------

แจกฟรีพระขุนแผนเนื้อผง ซึ่งจะอธิฐานจิตโดย พระครูปราสาทพรหมคุณ หรือหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งอีสานใต้ แด่ทุกท่านที่ร่วมบริจาค มวลสารศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ระลึกในการสร้างพระบรรจุกรุ
ขอเชิญร่วมบริจาคมวลสารศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิด เพื่อสร้างพระพิมพ์ขุนแผนเนื้อผง บรรจุกรุพระ จำนวน๘๔,๐๐๐องค์ ณ อนุสรณ์สถานหลวงพ่อทวด
วัดดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ในกาลครั้งนี้มิได้มีการรับบริจาคปัจจัยใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่ว่ามีความประสงค์ ที่จะให้พี่น้องชาวพุทธได้ร่วมบุญกันในกาลครั้งนี้
หลวงปู่ฤาษีลิงดำท่านเคยกล่าวไว้ว่า '' การสร้างพระ ๑ องค์ จะได้อานิสงฆ์ ๕ กัปป์ "
ผมได้รวบรวมมวลสารที่มีตอนนี้ได้แก่ ๑)ชานหมากที่หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ได้เมตตาปลุกเสกให้ ๒) ผงธูปวัดพระแก้วมรกต ๓) ผงธูปวัดระฆัง ๔) ดินท้องถ้ำ ถ้ำเพชร ถ้ำทอง จ.นครสวรรค์ ๕)คดหอยหิน ๖)ผงว่านจากหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ๗)ชานหมากหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง เจ้าคณะตำบลหนองหมากหญ้า จ.อุดรธานี ๘) แร่เขาอึมครึม จ.กาญจนบุรี ๙)ผมแร่เหล็กน้ำพี้ จากบ่อพระแสง บ่อพระขรรค์ ๑0) ผงหยกเขียว จากประเทศจีน ๑๑)ผงแร่เกาะล้าน ๑๒)ผงธูปวัดโพธิ์ ๑๓)ผงธูปศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
แต่กระผมยังขาดดิน ๗นคร ๙บุรี (คือดินจากจังหวัดที่มีคำลงท้ายด้วยนคร ๗ จังหวัด และดินจากจังหวัดที่มีคำลงท้ายด้วยบุรี ๙จังหวัด และต้องเป็นดินจากยอดจอมปลวก) หากพี่น้องชาวพุทธท่านใดมีกระผมก็ขอกราบเรียน ให้ท่านช่วยเมตตากรุณา ส่งมาร่วมทำบุญกับผมในครั้งนี้ด้วยนะครับ
มวลสารตามสูตรยังไม่ครบมีดังนี้
๑ ) ดิน ๗ นคร ๙ บุรี
๒ ) ดินโป่ง ๗ โป่ง
๓ ) ดิน ๗ ท่าน้ำ
๔ ) ดิน ๙ ใจกลางนา
๕ ) ดินขุยปากรูปู ๙ รู
๖ ) ตะไคร่โบสถ์ (ตะไคร่ที่เกาะผนังกำแพงโบสถ์) ตะไคร่เสมา(ตะไคร่ที่เกาะใบเสมา) ตะไคร่เสาสลุงช้าง(คือ ตะไคร่ที่เกาะเสาล่ามช้าง)
๗ ) ดินสังเวชนียสถานทั้ง๔ จากประเทศอินเดีย
๘ ) ๑ ) ผงพุทธคุณ ๒) ผงอิธิเจ ๓) ผงอิติติปิโส ๔) ผงมหาราช ๕) ผงตรีนสิงเห ๖) ผงปัทหมัง
๙ ) ผงว่าน ๑๐๘
๑๐) น้ำจากบ่อ หรือสระที่ไม่เคยแห้ง
ขอขอบคุณกับทุกท่านที่สละเวลา และเป็นกำลังใจให้ผมนะครับ และก็ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
โครงการนี้ก็จะดำเนินการรวบรวมมวลสารไปเรื่อยๆครับ จัดหามวลสารให้ครบตามสูตรครับที่ครูบาอาจารย์ได้รจนาไว้ครับ จะได้ไม่ผิดครู ข้ามครู เมื่อตั้งใจแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จ
จะช้าหรือเร็วก็สุดแท้แต่โอกาสและเวลาจะเอื้ออำนวยครับ
ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ให้ความสนใจในครั้งนี้ครับ
โครงการนี้ จะมอบพระให้แด่เฉพาะทุกท่านที่ปรารถนาทำบุญร่วมกัน โดยการส่งมวลสารมาร่วมบุญเท่านั้นครับ


ท้ายนี้ข้อให้ท่านผู้เจริญ และท่านที่มีความรู้ในศาสตร์ด้านนี้ ที่ได้อ่านประกาศนี้ได้โปรดให้ความอนุเคราะห์ในงานบุญครั้งนี้ >>
และขอให้ท่านทั้งหลายมีแต่ความสุขความเจริญด้วยเทอญ>>
>>
กรุณาส่งมวลสารศักดิ์สิทธิ์มาที่ >>
นายศิริพงษ์ จิตประสงค์พาณิช >>
598/111 อาคาร1 ไอ-เฮ้าส์คอนโด>>
พระราม9 บางกะปิ >>
ห้วยขวาง กทม. >>
10310>>






รูปขนาดเล็ก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ข่าวด่วนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แจ้งข่าวถึง นนส.ทุกเหล่า
โดยเฉพาะ เหล่า ร.ร้อย ๔ พัน.๓ ที่รักทุกท่าน
ขณะนี้ มารดา ส.อ.วิฒิพงษ์ คินิมาน (ซึ่งลาออกไป us เจ้าตัวมาร่วมงานไม่ได้)
ถึงแก่กรรมอยู่ที่ ศาลา ๖ วัดโสมนัสฯ สวด ๑๐ ถึง ๑๔ มิ.ย.๕๒
ฌาปนกิจ ใน ๑๕๑๖๐๐ มิ.ย.๕๒ (วันจันทร์)
ฝากบอกทุกท่านช่วยบอกต่อด่วน ผู้แจ้งข่าวจะไปวันจันทร์
ขอแสดงความเสียใจอย่างจริงใจ ไอ้ยะเอง (สก.ทบ.)

จ.สุเวช กล่าวว่า...

ขอเชิญ นนส.รุ่น ๑๘/๒๘ รวมเหล่า (ในพื้นที่ ทภ.๒) ร่วมพบปะสังสรรค์งานเลี้ยงรุ่น “ตุ้มโฮม ๑๘๒๘ ฮักแพงกันไว้” ใน ๑๐ ธ.ค. ๕๔ เวลา ๑๘๐๐ เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่เวลา ๑๒๐๐ เป็นต้นไป สถานที่ บ้านสวน กรีนวิว รีสอร์ทแอนด์สปา สมาชิกในพื้นที่ จว.ขอนแก่น ครอบครัวละ๓,๐๐๐ บาท ต่างจังหวัด ครอบครัวละ ๑,๕๐๐ บาท โดยแจ้งยอดได้ที่ จ.ส.อ.สุเวช กาญจนวงษา (เหล่า ร.) โทร.๐๘–๔๗๙๒-๑๔๑๙, จ.ส.อ.วัชระ สุภานิชย์ (เหล่า ม.) โทร. ๐๘-๑๗๐๘-๙๐๕๔ , จ.ส.อ.อภิชัย เวชสุวรรณ (เหล่า ช.) โทร.๐๘-๑๓๖๙-๙๗๕๙ ,๐๘-๓๖๗๕-๙๙๓๕ ,จ.ส.อ.สุรจิตร สุวรรณมาโจ (เหล่า ส.) โทร. ๐๘-๑๓๘๐-๒๐๓๑,๐๘-๐๗๔๔-๐๕๐๔ , จ.ส.อ.โกวิท ปราบนอก (เหล่า สพ.)โทร. ๐๘-๙๘๔๑-๘๑๔๐,จ.ส.อ.สมนึก เมืองโคตร (เหล่า พ.) โทร. ๐๘-๓๓๓๕-๓๘๑๕ และโอนเงินเข้าบัญชีภายใน ๒๓ พ.ย. ๕๔ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนกสิกร-ทุ่งสร้าง ชื่อบัญชี สุรจิตร,อภิชัย, วัชระ หมายเลขบัญชี ๙๘๐ – ๖ –๗๒๘๙๒ – ๐