12 กันยายน 2554

กฐินหลวงปู่หงษ์



ขอเชิญศิษยานุศิษย์ ของพระครูประสาทพรพรหมคุณ(ดร.) หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ร่วมเป็นเจ้าภาพกองกฐินสามัคคี ณ สุสานทุ่งมน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 เพื่อสบทบทุนสร้างที่พักสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมและซื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกพร้อมกับเสนาสนะต่างๆ ในสุสานที่ยังคั่งค้างให้แล้วเสร็จ
จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้เป็นเจ้าภาพกองกฐิน โดยพร้อมเพรียงกัน โดยตั้งกองกฐิน กองละ 3,000 บาท
-กองกฐิน กองละ 3,000 บาท ได้รับรูปหล่อพระสิวลีมหาลาภองค์เล็ก 30 องค์ ประธานมอบรูปหล่อพระสิวลีมหาลาภขนาดบุชา 5 นิ้ว 1 องค์
- ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ได้รับพระขรรค์ปราบไตรจักร ขนาดปากกาอุดผงวิเศษเกษาจีวรโลหิตธาตุ ของหลวงปู่ 1 ด้าม
- ร่วมทำบุญ 500 บาท ได้รับตระกรุดพุทธคุณ 12 ดอก จำนวน 1 เส้น
- ร่วมทำบุญ 100 บาท ได้รับพระสิวลีมหาลาภองค์เล็ก 1 องค์
อานิสงค์ที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันทำบุญในครั้งนี้ ขอบุญกุศลนี้จงเป็นปัจจัยให้ท่านมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลก ทางธรรมและได้เข้าถึงพระนิพพานเป็นที่สุด สาธุ
ท่านสนใจร่วมทำบุญ ติดต่อสอบถามได้ที่สุสานทุ่งมน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
โทร 089-9999882 (หลวงพี่หนึ่ง)
โทร 081-0751810 (คุณเสก)
โทร 086-1413175 (คุณบูลย์)
โทร 085-2614097 (คุณสมควร)

12 กันยายน 2553

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี



เรียนเชิญนักเรียนนายสิบรุ่นที่ 18/28 และพี่น้องชาว นนส.ทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี สอบถามได้ที่
สิบเอกภาณุมาศ ศรีราม 089-8480009
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี ณ สุสานทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553 รอบๆวัด สำหรับเป็นที่สร้างปราสาทพระเจ้า 5 องค์และสร้าเสนาสนะภายในสุสานที่ยังค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ
จึงเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนและศิษยนุศิษย์ทั้งหลาย ได้เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีโดยพร้อมเพรียงกัน โดยตั้งเป็นกองกฐินสามัคคีกองละ 3000 บาท
- กฐินกองละ 3000 บาทได้รับรูปหล่อหลวงปู่หงษ์ องค์เล็ก 30 องค์ ประนสายมอบรูปหล่อหลวงปู่หงษ์นั่งบนนกสาลิกาฐาน 5 นี้ว
- ร่วมทำบุญ 1000 บาท ได้รับมีดหมอ 1 เล่ม
- ร่วมทำบุญ 500 บาท มอบตะกรุดโทนหวายลูกนิมิตบรรจุผงพุทธคุณ 108 จำนวน 1 ดอก
- ร่วมทำบุญ 300 บาท มอบตะกรุดเจ้าฟ้า 5 พระองค์ 1 ดอก
- ร่วมทำบุญ 200 บาท มอบแหวนปลอกมีดเนื้ออัลปาก้า 1 วง
อานิสสงค์ที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันทำครั้งนี้ ขอบุญกุศลจงเป็นปัจจัยให้ท่านมีความสุขเจริญรุ่งเรือง ทั้งทางธรรมและทางโลก และได้เข้าถึงพระนิพานเป็นที่สุด สาธุ สนใจสอบถามติดต่อได้ที่ สิบเอกภาณุมาศ ศรีราม 089-8480009 หรือที่
คุณเสก 0810751810 (เจ้าหน้าที่วัด)
คุณบูลย์ 0861413175 (เจ้าหน้าที่วัด)
คุณพุด 0898458403 (เจ้าหน้าที่วัด)
คุณสมควร 0852614097(เจ้าหน้าที่วัด)

17 มีนาคม 2553

เลี้ยงรุ่ปี 53 นนส.18/28

กำหนดการเลี้ยงรุ่น นนส.18/28 (รวมเหล่า)กองทัพภาค 3 (จว.ช.ม.เจ้าภาพ) ในวันที่ 11 ธ.ค.53 จัดแบบล้านนา บริเวณ สนามกีฬา 700 ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ พ.ต.พนม ศรีเผือด (สส.)086-461-5378,จ.ธนวัฒน์ อินทร์เอี่ยม(จ.หมอ) ราบ089-433-6284
เจอกันที่เชียงใหม่ครับผม คัดลอกมาจากhttp://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=nco1828&topic=7&page=2

20 พฤษภาคม 2552

เลี้ยงรุ่นที่ 18/28 ปี 52



ขอแจ้งข่าวเพื่อนๆ ที่ประชุมการจัดเลี้ยงรุ่น 18/28 ผลประชุมเป็นที่แน่นอนแล้ว จัดเลี้ยงรุ่นในวันที่ 6 ธ.ค.52 ใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ตั้งอยู่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา (หน้าค่ายสุรธรรม พิทักษ์) ขอเพื่อนๆได้ช่วยประชาสัมพันธ์ต่อไปด้วย เก็บ 1,500 บาท


เลี้ยงรุ่น 1828 ผ่านเป็นที่เรียบร้อย ขอบคุณเพื่อนทุกเหล่าที่มากันมากมายเหลือเกิน ขอบคุณคณะกรรมการดำเนินงานทุกท่าน ปีหน้าเจอกันทางเหนือ แว่วว่าเป็นเชียงใหม่นะครับ

อดีต นนส.ร้อย1 พัน 2 มีที่อยู่เพื่อนมาฝากครับ
1. สิบเอกภาณุมาศ ศรีราม สุรินทร์ 08-9848-0009
2. ร.ต.กิตติสิทธิ ชาญชัย เหล่าราบ(ปลัด อบต.) 08-7176-6081
3. จ่าสิบเอกอนุชา จิตต์ชอบค้า 08-1953-4632
4. จ่าสิบเอกทองรินทร์ ราชบุญคุณ จ.อุบลฯ 08-10639-9798
5. ร.ท.พันทิพย์ ดีลี (ร/ช)08-9122-0339
6. จ.ส.อ.สิทธิชัย ศรีโกศล (ร) จ.อุบลฯ 08-8712-8132
7. จ.ส.อ.ธวัชชัย รัตนประสงค์ (ร) กทม. 08-1442-2646
8. จ.ส.อ.บรรชิต อุดม จ.ลพบุรี 08-3191-8967
9. จ.ส.อ.อธิเชษฐ์ จีระวัฒน์ (ร) 08-3617-0616
10. ร.ต.อุดม ใจสู้ศึก (ร) 08-4790-7162
11. จ.ส.อ.ประพัตร มนูสารพงษ์(ร) 08-6257-3147
12. พ.ท.บัณฑิต คำเคน(ร)08-9137-8032, 08-6092-2326
13. จ.ส.อ.ราชัญ เนียมทอง จ.ตาก 08-9859-2845
14. จ.ส.อ.นรินทร์ บางโพธิ์ จ.นครสวรรค์ 08-9161-6454
15. จ.ส.อ.สมพร เซ็งมา ราบ 08-1604-1929
16. จ.ส.อ.วศิน วรปัสสุ 08-1281-3824
17. ร.ต.อนุพงษ์ พิมล 08-9940-8922
18.จ.ส.อ.สุวิน ยามา จ.เลย 08-7221-2070
19. ร.ต.กฤช(รันชิต) พรหมใหม่ กทม. 08-4915-4163
20. จ.ส.อ.วราพงษ พงษ์มาลี จ.เชียงใหม่ 08-1784-0010
21. ร.ท.พงศธร จันทา จ.ตาก 08-1972-3983
22. จ.ส.อ.ศุภชัย อ้วนโพธิ์กลาง จ.สระแก้ว 08-9932-6176
23.จ.ส.อ.ประพัตร มนูสารพงษ์ จ.ยโสธร 08-6257-3147
24.จ.ส.อ.แสวง ก่ำบุญมา 08-1871-5419
25.
26. ร.ท.สายทอง อัยลา จ.ปัตตานี 08-0137-3492
27. พ.ต.วราวุฒิ พรหมทอง จ.ยโสธร 08-1302-5783
28. จ.ส.อ.ประภาส แก้วทอง 08-9457-7605
29. จ.ส.อ.สุรพล คงรอด(ลาออก) จ.เชียงใหม่ 08-5032-3829
30. จ.ส.อ.สมควร พันธนิตย์ จ.นครศรีธรรมราช 08-9870-7820
31. ร.ท.ยุทธ์ วงค์จันตา จ.พะเยาว์ 08-9554-4214,08-08-9158-2126
32. จ.ส.อ.มงคล ชนะสงคราม จ.ศรีสะเกษ 8-0161-5982
33. จ.ส.อ.จินดา พลหงษ์ 08-6233-0694
34.
35. ผจก.มานิตย์ ถนอมทรัพย์(ธอ.ส.สุรินทร์) 08-1976-1559
36. จ.ส.อ.ธีรศักดิ์ ฉัตรอินปัน 08-1910-6210
37. จ.ส.อ.บรรชิต อุดม (ร) 08-1759-0747
38. จ.ส.อ.สุรเชษฐ์ มากร 081 – 7070064 055-216095 หรือ 055-377475
39. จ.ส.อ.ธีระ อ่อนคล้าย จ.ชลบุรี 08-7768-5853
40. จ่าสิบเอกสุพจน์ บรรทัด จ.ปัตตานี08-9912-1285
41. จ่าสิบเอกพิสิทธิ์(สุธีร์) ศรีนิเวศ กทม. 08-4399-6363
42. จ่าสิบเอกจรูญ โคตรสมบัติ จ.ปัตตานี08-9571-1629
43. จ่าสิบเอกบัญญัติ คงทรัพย์ จ.ยโสธร 08-5743-9606
44. จ่าสิบเอกสุภาพ ม่วงรัก 08-9549-2355
45. จ่าสิบเอกอิทธิพัทธ์(จำรัส) แผงฤทธิ์ จ.ปัตตานี08-1925-1273
46. ร.ต.สำเร็จ ใบยา ออกจากราชการ จ.น่าน 08-6188-6963
47. จ.ส.อ.สายชล จิตรเจือ (จ่าโก๋ การบิน) จ.ลพบุรี 0897225280,0858053693
48. จ่าสิบเอกประสิทธิ์ สร้อยปัดสา จ. อุบลราชธานี 08-0482-9976
49. จ.ส.อ.บรรชิต อุดม จ.ลพบุรี 0832442853
50. ร.ต.ยุทธ วงค์จันตา 0841702408
51. ร.ต.อนุพงษ์ พิมล จ.สกลนคร 08-9940-8922
52. จ.ส.อ.วศิน วรปัสสุ 08-1281-3824

เบอร์ใดโทรไม่ติดแจ้งด้วยนะครับจะได้ลบ เปลี่ยนเบอร์ใหม่แจ้งด้วยนะเพื่อน ที่ 08-9848-0009



28 เมษายน 2552

เพื่อน ๆ นนส.18/28 ทุกเหล่าฝากข้อความ ฝากเบอร์โทรไว้ได้ครับ คลิกที่ความคิดเห็นแล้วเขียนข้อความ เบอร์โทรหรือที่อยู่ได้ครับ



18 มกราคม 2552

หลวงปู่เจียม


ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่เจียม อติสโย วัดอินทราสุการาม (วัดหนองยาว) ต.กระเทียม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ อัตโนประวัติ ?พระครูอุดมวรเวท? หรือ ?หลวงปู่เจียม อติสโย? พระเกจิชื่อดังเมืองสุรินทร์ เป็นพระที่มีศีลาจารวัตรดีงาม ไม่บกพร่องเสื่อมเสีย ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด กอปรด้วยวิทยาคม มีลูกศิษย์ลูกหามากมายให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก หลวงปู่เจียม มีนามเดิมว่า เจียม นวนสวัสดิ์ (เดือมดำ) เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2454 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 2 ปีกุน สายเลือดกัมพูชา ภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่บ้านดองรุน ต.ประเตียเนียง อ.มงคลบุรี จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน ท่านเป็นบุตรคนโต
?? ?เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนประชาบาล อ.มงคลบุรี จ.พระตะบอง ศึกษาภาษาเขมรและภาษาฝรั่งเศส ตามหลักสูตรที่รัฐบาลกัมพูชากำหนดไว้ เมื่อเรียนจบในระดับชั้นประถมศึกษา ได้สอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนในจังหวัดพระตะบอง แต่เรียนได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น มีเหตุให้ต้องลาออกจากโรงเรียน เนื่องจากฐานะทางบ้านยากจน และได้รับผลกระทบจากสภาวะสงครามภายในประเทศ เมื่อออกจากโรงเรียนแล้ว ได้ประกอบอาชีพทำนาและค้าขาย เช่น ค้าข้าว ค้าวัว รวมทั้งเป็นช่างไม้ ทำให้ฐานะทางครอบครัวดีขึ้น เมื่ออายุ 26 ปี ท่านได้สมรสกับหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกัน มีบุตรธิดารวม 4 คน เนื่องจากขณะนั้นประเทศกัมพูชาตกอยู่ภายใต้การยึดครองของประเทศฝรั่งเศส ท่านเป็นคนหนึ่งที่มีความรักชาติรักแผ่นดิน ต้องการให้ประเทศชาติเป็นเอกราช จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มชาวเขมรที่รักชาติ จัดตั้งกองกำลังเขมรเสรีเพื่อกอบกู้ประเทศชาติ โดยสู้รบกับทหารฝรั่งเศสอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และต่อมาถูกปราบปรามอย่างหนักจนต้องหลบหนีเข้ามายังเขตประเทศไทย โดยหวังว่าจะรวมตัวกันกลับเข้าไปต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราชอีกครั้งหนึ่ง พ.ศ.2485 จึงตัดสินใจอพยพครอบครัว มุ่งหน้าเข้าสู่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดสุรินทร์ โดยเดินทางมากับพระสงฆ์ชาวเขมรชื่อ พระครูดี ใช้วิธีเดินทางรอนแรมมาเรื่อยๆ ค่ำไหนก็พักนอนที่นั่น แล้วออกตระเวนรับจ้างชาวบ้านในพื้นที่อำเภอสังขะ เพื่อหาเลี้ยงชีพไปตามอัตภาพ ในที่สุดได้แวะพักที่วัดทักษิณวารี (วัดทักษิณวารีสิริสุข) บ้านลำดวน ต.ลำดวน อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ พร้อมทั้งได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวาง ธัมมโชโต ที่วัดแห่งนี้ ซึ่งท่านได้ประพฤติปฏิบัติตนรับใช้หลวงพ่อวางอย่างดียิ่ง จนทำให้บรรดาโยมอุปัฏฐากของหลวงพ่อวาง เกิดความรักความศรัทธา จึงขอเป็นเจ้าภาพอุปสมบทให้ ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 47 ปี ๏ การอุปสมบท เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2501 ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดทักษิณวารี ต.ลำดวน อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ โดยมีหลวงพ่อวาง ธัมมโชโต เกจิดังเรืองวิทยาคม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายานามว่า ?อติสโย? ๏ ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวาง-หลวงพ่อเปราะ หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านสมัครใจอยู่จำพรรษา ณ วัดทักษิณวารี เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย ฝึกวิปัสนากัมมัฏฐาน เรียนภาษาไทย และปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อวาง ธัมมโชโต จนเป็นที่ยอมรับ พร้อมกับฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอรับการถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ อาทิ การเสกน้ำมนต์ เขียนแผ่นทอง เป็นต้น รวมทั้ง ในแต่ละพรรษา หลวงปู่เจียมได้มีโอกาสแวะเวียนไปนมัสการหลวงพ่อเปราะ พุทธโชติ วัดสุวรรณรัตนโพธิวนาราม อ.ลำดวน พระเกจิชื่อดัง เพื่อปรนนิบัติรับใช้และได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอรับถ่ายทอดวิทยาคม อาทิ การเขียนอักขระลงแผ่นทอง ทำตะกรุด วิชาเสริมสิริมงคล ให้อย่างครบถ้วน เพื่อคอยปัดเป่าทุกข์ภัยให้ชาวบ้านในถิ่นจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีผู้เจ็บป่วยด้วยวิชาไสยศาสตร์มนต์ดำเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้แล้ว ท่านยังวนเวียนออกธุดงค์ไปตามถ้ำและป่าเขาอย่างต่อเนื่อง ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และชายแดนประเทศลาว โดยยึดป่าเขาเป็นสถานศึกษา ได้พบกับพระอาจารย์หลายท่านในระหว่างเดินธุดงค์ ได้สนทนาธรรมและเรียนรู้วิธีการปฏิบัติสมาธิภาวนาจากพระอาจารย์เหล่านั้น เป็นเวลานานถึง 13 ปี แล้วกลับมาเข้าพรรษาที่วัดทักษิณวารี ๏ สร้างวัดอินทราสุการาม (วัดหนองยาว) ภายหลังกลับจากธุดงค์แล้ว เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2513 กลุ่มชาวบ้านหนองยาง ได้นิมนต์หลวงปู่เจียม ให้ไปสร้างวัดในพื้นที่บ้านหนองยาว ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.กระเทียม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ เป็นสำนักสงฆ์ ด้วยการสร้างกุฏิเล็กๆ สำหรับการปฏิบัติธรรม โดยหลวงปู่เจียมได้อยู่จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาสำนักสงฆ์แห่งนี้ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น ?วัดอินทราสุการาม? ขณะเดียวกัน ท่านก็เผยแผ่พระพุทธศาสนา คอยเทศน์อบรมบรรยายธรรมให้แก่ชาวบ้านหมั่นรักษาศีล และปฏิบัติธรรม ๏ การสร้างวัตถุมงคล ต่อมา หลวงปู่เจียมได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นครั้งแรก เป็น ?ตะกรุดโทน? ลักษณะม้วนแผ่นทองสอดสายยางร้อยกับสายร่ม และผูกห้อยพระแก้วมรกตและเหรียญรูปเหมือน เป็นต้น ปรากฏว่าผู้ที่มีวัตถุมงคลหลวงปู่เจียมไว้ในครอบครอง มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์นานัปการ ทำให้มีฝูงชนแห่แหนไปร่วมทำบุญกันอย่างเนื่องแน่น โดยมีชาวบ้านบางส่วนนิยมนำยานพาหนะส่วนตัว ตลอดทั้งรถยนต์โดยสารในท้องถิ่นสุรินทร์ หรือต่างจังหวัด ผูกห้อยตะกรูดโทนของหลวงปู่เจียม เพื่อความเป็นสิริมงคล ขณะเดียวกัน ในแต่ละวันจะมีฝูงชนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลไปกราบขอให้หลวงปู่เจียม เสริมสิริมงคล ถอดถอนคุณไสย ด้วยการอาบน้ำมนต์ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ไปกราบนมัสการขอให้เขียนตะกรุดโทนแขวนคอ ลงเหล็กจารในแผ่นทองกับมือของท่าน เพื่อสวมใส่เป็นขวัญกำลังใจ ในการออกไปรับใช้ชาติในต่างแดน อาทิ เวียดนาม ลาว และเขมร จนได้รับการกล่าวขานเลื่องลือระบือไกล ด้วยพุทธคุณเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดภยันตราย พ.ศ.2515 หลวงปู่เจียมอนุญาตให้คณะศิษยานุศิษย์ จัดสร้างวัตถุมงคลกริ่งรูปเหมือน รุ่น 1 จำนวน 7,000 องค์ เหรียญรูปเหมือน รุ่น 1 จำนวน 7,000 เหรียญ พร้อมตะกรุดแขวนคอชุดใหญ่ จำนวน 7,000 เส้น พ.ศ.2537 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมหลวงปู่เจียม ที่วัดอินทราสุการาม เป็นการส่วนพระองค์ เพื่อสนทนาธรรม ในโอกาสนี้ หลวงปู่เจียมได้ทูลเกล้าฯถวายวัตถุมงคลพระกริ่งรูปเหมือน รุ่นรับเสด็จ ตะกรุด เป็นที่ระลึกด้วย พ.ศ.2546 หลวงปู่เจียมอนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นมูลนิธิอติสโย เป็นวัตถุมงคลหล่อโบราณ รูปเหมือน (เททองในวัด) สรุปรวมวัตถุมงคลทั้งวัดจัดสร้าง ภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งสิ้นประมาณ 50 รุ่น เมื่อรวบรวมปัจจัยได้นำไปสร้างถาวรวัตถุมากมายและจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม ๏ สมณศักดิ์ที่ได้รับ พ.ศ.2527 หลวงปู่เจียมได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ ?พระครูอุดมวรเวท? ๏ พระนักพัฒนา นอกจากมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา ได้ช่วยสร้างวัดที่อำเภอบัวเชด จ.สุรินทร์ 2 แห่ง สร้างสถานีอนามัยที่บ้านหนองยาว มอบครุภัณฑ์ให้โรงพยาบาลสุรินทร์ สร้างศาลาประชาคม 61 แห่ง รวมทั้งสาธารณประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ๏ การมรณภาพ ย่างเข้าสู่วัยชรา หลวงปู่เจียมเริ่มมีอาการเหน็ดเหนื่อย สายตาพร่ามัว ประสาทหูฟังไม่ค่อยชัด คณะศิษยานุศิษย์ได้นำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ ครั้นเมื่อออกจากโรงพยาบาล หลวงปู่เจียมยังต้องรับกิจนิมนต์จากชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธา เพื่อคอยปัดเป่าทุกข์บำรุงสุขไม่เว้นแต่ละวัน บ้างต้องไปนั่งประพรมน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมให้ศิษย์สม่ำเสมอ กระทั่งเมื่อเวลา 16.59 น ของวันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ.2549 คณะศิษย์วัดอินทราสุการาม ได้ตีระฆังรัวกลองเป็นชุด เพื่อแจ้งเหตุว่า บัดนี้ชาวเมืองสุรินทร์ได้สูญเสียปูชนียสงฆ์รูปสำคัญ คือ หลวงปู่เจียมได้มรณภาพลงอย่างสงบด้วยโรคไตวาย ภายในกุฏิวัดอินทราสุการาม หลังเข้ารับการรักษาตัวด้วยอาการอาพาธจากโรคไตมาเป็นเวลานาน ประกอบกับวัยที่ชราภาพมาก สิริอายุรวม 96 พรรษา 47 ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เคารพนับถือเป็นยิ่งนัก คณะสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์รวมไปถึงชาวบ้านได้นำร่างหลวงปู่บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งไว้ ณ ศาลาการเปรียญวัดอินทราสุการาม เพื่อให้ประชาชนกราบไหว้รำลึกถึงคุณงามความดี สำหรับกำหนดการเบื้องต้น จะมีการบรรจุศพหลวงปู่เจียมที่วัดอินทราสุการาม เป็นเวลา 15 วัน เพื่อให้บรรดาพุทธศาสนิกชนได้ร่วมบำเพ็ญกุศลโดยทั่วกัน ............ คัดลอกมาจาก :: 1. หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 1 คอลัมน์ มงคลข่าวสด วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5764 2. หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก คอลัมน์ พระเครื่อง คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2549
ภาพถ่ายถ่ายจากของจริง ตอนนี้มี 5 เส้น รวมทั้งตระกุดโทนด้วย
อ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10717

18 เมษายน 2551

ประวัติหลวงปู่หงษ์




blogger นำเสนอประวัติหลวงปู่ในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งผู้นำเสนอนั้นเป็นคนพื้นเพห่างจากวัดประมาณ 12 กิโลเมตร นำเสนอเฉพาะหลวงปู่หงษ์พรหมปัญโญ หลวงปู่คีย์ ซึ่งท่านได้สร้างวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังมากมาย เป็นที่เคารพและศรัทธาของคนจังหวัดสุรินทร์ มีพระเกจิอาจารย์หลายท่านในจังหวัดสุรินทร์ซึ่งผู้นำเสนอรู้จักแต่นำเสนอไม่หมด เช่นหลวงปู่เจียม(อ.สังขะ) หลวงปู่ธรรมรังสี(อ.ท่าตูม) หลวงปู่สาม หลวงปู่ดุลย์ ซึ่งเป็นพระเกกิอาจารย์ที่ชาวจังสุรินทร์และหลายๆจังหวัดนับถือ
ประวัติหลวงปู่หงษ์
อัตชีวประวัติ เด็กชายสุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญูเวทิตาต่อบิดามารดา ได้ช่วยกิจการงานทุกอย่าง ทำนาหว่านกล้า เก็บเกี่ยวข้าว ด้วยความวิริยะอดทน จนอายุได้ 18 ปี มารดาขอร้องให้บวชเณรด้วยสาเหตุเกรงว่าจะไปมีเรื่องกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงของวัยรุ่นอารมณ์ร้อนซึ่งโดยนิสัยแล้วเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวใคร สุดท้ายเห็นแก่มารดาจึงได้ตัดสินใจว่าจะบวชให้แค่เพียง 7 วัน ครั้นบรรพชาแล้วพระอุปชฌาย์ได้ตั้งนามให้ใหม่ว่า “สามเณรพรหมศร” ลุมาได้ 3 วัน ขณะทีนั่งบนแคร่ไม้ใต้ต้นมะขามใหญ่ ได้มีบุรุษหญิงชายแปลกหน้าทั้งมีอายุแก่และหนุ่ม แต่งกายแบบชาวบ้านมาขอร้องให้เทศน์โปรดทีเถิดสามเณรพรหมศรกล่าวว่า “ฉันพึ่งบวชได้ไม่ถึงวันยังเทศน์ไม่เป็นหรอก ชายหญิงผู้แปลกหน้าทั้งหลายต่างให้คำแนะนำว่า “ “ท่านเจ้าคะท่านเทศน์ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ท่านทดลองว่า นะโม 3 จบ ประเดี๋ยวท่านก็จะเทศน์ได้เองนั่นแหละ” สามเณรพรหมศรนั่งนิ่งแลสงสัยว่าบุคคลทั้งหลายเหล่านี้เป็นใคร ? มาจากไหน ? อยู่ ๆ ก็มาขอให้เราเทศน์ แต่เมื่อลองคิดแล้วเขาบอกให้ว่านะโม 3 จบ เราก็ว่าได้ จึงได้ว่า นะโม 3 จบ จากนั้นก็เป็นเรื่อง ที่ปากพูดไปได้เองเป็นเรื่องเป็นราว ชายหญิงทั้งหลายต่างนั่งพนมมืออมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ครั้นเทศน์จบก็กราบขอบคุณขอลากลับ หันไปอีกทางปรากฏว่าหายไปทางไหนก็ไม่รู้” ผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมสามเณรพรหมศรจึงเทศน์ได้ ท่านกล่าวว่า มันเป็นของเก่าหรือที่เรียกว่า “ธรรมบันดาล” ที่พาให้พูดกล่าวไปได้เอง ความตั้งใจที่จะบวชเพียง 7 วัน ก็อยู่เลยเรื่อยมาจนอายุครบ 20 ปีพระอุปัชฌาย์จึงอุปสมบทให้ ณ วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยตั้งนามฉายาให้ใหม่ว่า “พรหมปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาประดุจพรหม เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงปู่ตั้งใจมั่นขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปรัยัติธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า หลวงปู่เป็นพระผู้มีความวิรยะสูงจดท่องจำแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละ แม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป เพื่อให้ได้วิชาความรู้กลับคืนมาเป็นรางวัล ด้วยปณิธานมั่นที่จะโปรดลูกหลานญาติโยมภายหน้า สืบไป ครั้นอุปสมบทได้แล้ว 3 พรรษา จึงกราบลาพระอุปชฌาย์จาริกธุดงควัตร ตามแบบฉบับแห่งพระบรมครู อาศัยอยู่ตามโคนไม้ นุ่งห่มใช้ผ้าเพียงสามผืน ทั้งถือที่สงบสัปปายะ เช่นป่าช้า เป็นที่เจริญจิตภาวนาเช้าค่ำ ขบฉันภัตตราหารเพียงมื้อเดียว ได้ท่องเที่ยวสู่เมืองขุขัน จ.ศรีสะเกษ เพราะเป็นเขตแห่งสรรพศาสตร์มนตรา จึงได้เข้าขอศึกษากับครูอาจารย์ที่เป็นทั้งฆารวาสก็ดีเป็นผู้ทรงศีลสมณะก็ตาม จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงขออนุญาตลากลับเพื่อจาริกธุดงค์สู่พนมเปญ กัมพูชาสืบไป เมื่อธุดงค์ข้ามเขาเข้าเขตกัมพูชา อันเป็นที่ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเป็นดินแดนแห่งอาณาจักรขอมถิ่นอาถรรพ์ เป็นที่รวมแห่งศาสตร์ไสยเวทย์มนตรารุ่งเรืองนัก คงเป็นด้วยบุญบารมีเก่าหนุนนำ พาให้ได้พบกับครูบาอาจารย์เก่า เมื่อพบเห็นแล้วทุกครูอาจารย์ต่างพึงพอใจในพระภิกษุหงส์พรหมปัญโญผู้สันโดษอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก ได้บังเกิดความเมตตาประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชา ทั้งเวทย์มนต์แลคาถาเมตตา มหาเสน่ห์ กำบังภัยทั้งคุ้มครองแคล้วคลาดกันอาวุธ ปืน หอก ดาบ ธนูหน้าไม้เขี้ยวงา ช้างเสือ หุงสีผึ้ง กันยาเบื่อ ทั้งคุณไสย ทำน้ำมนต์รดอาบต่างหายไป แม้นบ้าใบ้จิตหลอนก็อ่อนโยน จนลุเลยข้ามดงสู่จังหวัดสารพัดไต่เขาและภูผา อาศัยหุบเขาข้างห้วยเอนกายา ตกค่ำภาวนาตลอดไปยามสองจิตผ่องใส บังเกิดธรรมบันดาลพาพบไป กับพระอาจารย์ใหญ่องค์เทพเทวาได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาลงจารเสกปากกา อุปเท่มีคุณมากนักหนากว่าพันประการ ประทานเสร็จสอนจบครบตำราพระพรหมปัญโญให้ปิติทั้งศรัทธา ตั้งจิตกราบครูบาแล้วเงยหน้าขอชมบารมีทันที่ที่ลืมตาได้รูปท่านอาจารย์ใหญ่ก็จางหายทันที พระพรหมปัญโญสุดที่จะเสียดายเพราะมิได้กล่าวคำว่าขอบคุณแก่ท่านผู้การุณประสาทวิชา ครั้นล่องไพรในพนากลางป่าใหญ่ อัศจรรย์ใจเป็นหนักหนาเห็นเด็กร่างดำใหญ่ดุจศิลา พลางผลักทักทายมาแต่ใด กุมารดินล้มหงายหลัง แล้วตั้งตรงทดลองใหม่ผลักล้มมาด้านหน้า ทดลองถึงสองครั้งให้ระอาจึงแสดงกายาสูงใหญ่ได้ห้าเมตร แสดงเสร็จให้เกิดศรัทธาแล้วสั่งสอนถึงวิธีการสร้างกุมารทองให้ถูกต้องตามตำราฉบับครู ครั้นธุดงค์ผ่านเขาพนาไพร นานอยู่ได้เกือบขวบปีแวะผ่านที่หมู่บ้านชื่อ “บ้านกรู” ณ หมู่บ้านนี้เองที่ชาวบ้านต่างกล่าวขานคุณงามความดีในวีรกรรมหลาย ๆ สิ่งที่มิอาจลืมเลือนได้จากหัวใจของทุกคน แม้หลวงปู่จะธุดงค์กลับ ประเทศไทยแล้วก็ตามจนขณะนี้หลวงปู่มีอายุย่าง 85 ปี จึงได้เดินทางไปเยี่ยมชาวกัมพูชา เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าหลวงปู่จะมาต่างดีใจ ครั้นหลวงปู่ไปถึงชาวบ้านเกือบพันคนต่างนอนคว่ำเรียงรายตั้งแต่ถนนจนถึงศาลาแล้วอาราธนาให้หลวงปู่เดินเหยียบบนหลังของเขาทั้งหลสายนั้น หลวงปู่จะไม่เดินชาวบ้านเขาก็ไม่ยอม กล่าวว่า ยอมพร้อมพลีกายด้วยความเคารพบูชา หลวงปู่ขัดเขามิได้จึงยอมเดินบนหลังของเขาเหล่านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าอายุราว 100 กว่าปี เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่มาก็อุตส่าห์ลากไม้เท้าหลังงองกเงิ่นเดินทางมากราบบูชา ผู้ติดตามหลวงปู่ทุกคนต่างแปลกใจซักถามว่าทำไมจึงศรัทธาองค์หลวงปู่ขนาดนี้ พวกเราทุกคนต่างก็ถึงบางอ้อ ! เพราะพ่อเฒ่า ต่างเล่าให้ฟังว่า”หลานเอ๋ย ! ถ้าวันนั้นหลวงพ่อไม่ได้อยู่กับเพวกเราแล้ว หมู่บ้านกรูทั้งหมู่บ้านก็แตกกระจัดกระจายปี้ป่นไปแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องแปลกตาเองก็ไม่เคยเห็นว่าลูกระเบิด และลูกปืนใหญ่ขนาดแตงโมมันตกบนหลังคาหญ้าแฝกแปลกที่มันไม่ทะลุหล่นลงมากลับกลิ้งคลุก ๆ ไปตามทางลาดชายคา พวกเราก็นึกว่าต้องตายแน่ ๆ ถ้าลูกระเบิดตกกระทบกับพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ ! ปรากฏว่าลูกระเบิดจมดินเกือบครึ่งลูก แต่มันอัศจรรย์มาก หลานเอ๋ย ! มันไม่ระเบิด” เท่านั้นแหละเม็ดกรวด เม็ดหิน แม้แต่ดินใต้แคร่ไม้ไผ่เขายังขุดไปลึกเป็นเมตรเอาไปปั้นเป็นลูกอมตากแดด ครั้นหลวงพ่อกลับประเทศไทยไปแล้ว แคร่ตัวที่ท่านนั่งก็ยังไม่มีเหลือ ชาวบ้านเขาจุดธูปเอามาพลีแบ่งกันจนหมดไม่เหลือหรอ หลวงพ่อเน้อ ! พร้อมกับยกมือไหว้ทางหลวงปู่ พวกตา และชาวบ้านรอดตายมาได้ทุกคน เสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เท่ากับหลวงพ่อมาชุบชีวิตให้ใหม่” ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ท่านเดนบนหลังของวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพเจ้าของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกผ่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณ และโทษของการไม่มีป่าได้ไม่มีน้ำจะ เกิดความเดือดร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนให้ชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข (คัดลอกจากเขามาครับ)

สำหรับผู้ที่ศรัทธาจริงอยากจะได้วัตถุมงคลก็แสดงความคิดเห็นลงได้ ต้องขอบอกท่านที่ต้องการที่จะได้ก่อนนะครับว่าผมไม่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ทั้ง 2 ท่าน ไว้จำหน่ายครับ มีเวลาว่างจะไปดูที่วัดให้ สำหรับเรื่องค่าบูชาก็ตามวัดที่ตั้งไว้ บางรุ่นสร้างมาแล้ว 8-9 ปีก็มีเพราะเคยเข้าไปดูบ่อยครั้ง สำหรับผมมีเฉพาะไว้กับตนเอง ท่านอยากได้อะไรก็ลองแสดงความคิดเห็นดูนะครับ ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่เซียนพระแต่วัตถุมงคลนั้นออกจากวัดแน่นอนถ้าท่านต้องการ(เฉพาะหลวงปู่หงษ์,หลวงปุ่คีย์) ผู้สนใจสอบถาม
08-5200-8050